รีวิวเกมส์ Star Wars Jedi Survivor

รีวิวเกมส์ Star Wars Jedi Survivor หลังจากผ่านไปหลายปี เราก็ได้กลับมาพบกับเกมผจญภัยในอวกาศอย่าง Star Wars Jedi: Survivor กันอีกครั้ง ซึ่งภาคนี้นั้นแตกต่างไปจากภาคก่อนๆ อย่าง Fallen Order พอสมควร เกมนี้เป็นยังไงบ้าง คุ้มค่ากับการรอคอยหรือเปล่า วันนี้ Online Station ก็มีรีวิวเกมนี้มาฝากทุกคนกัน Star Wars Jedi Survivor เป็นภาคต่อของ Fallen Order โดยเล่าเรื่องราวของ Cal Kestis ศิษย์หนุ่มที่ต้องเผชิญชะตากรรมสองด้านเนื่องจากการล่มสลายของกลุ่มเจได ห้าปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ใน Survivor นั้น Cal

จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าของจักรวรรดิอย่างไม่ลดละ แต่คราวนี้เขาไม่ใช่ศิษย์หนุ่มไร้ประสบการณ์อีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเจไดเต็มตัวที่พร้อมจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เรื่องราวหลักของภาคนี้คือการผจญภัยของ Cal Kestis เช่นเคย โดยมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดิกาแลกติกและฟื้นฟูกลุ่มเจได แต่ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ฮีโร่ของเราต้องตัดสินใจลงจอดฉุกเฉินเพื่อหาทางซ่อมยาน และนั่นคือที่ที่เขาได้พบกับเพื่อนเก่าและเบาะแสในดินแดนที่ไม่รู้จัก (ไม่ได้มาจาก Frozen) อย่าง Tanalorr ซึ่งอาจจะเป็นหนทางที่ทำให้เจไดกลับมายิ่งใหญ่เหมือนในอดีตอีกครั้งก็ได้

มาพูดถึงเรื่องกราฟิกกันก่อนดีกว่า เกมนี้ต้องบอกว่าเวอร์ชันที่เราทดสอบผ่าน Online Station คือเวอร์ชัน PS5 ซึ่งต้องบอกเลยว่าด้วยพื้นที่เกมที่ครอบคลุมกว่า 150 GB โลกในเกมจึงใหญ่เท่ากับขนาดไฟล์เลยทีเดียว ผู้เล่นจะได้พบกับภูมิประเทศที่สวยงามหลากหลาย ทั้งป่า ทะเลทราย ตึกระฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย โดยผู้พัฒนาได้ปรับปรุงระดับของพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว ในด้านกราฟิก หากมีคะแนนเต็มก็ให้เต็มไปเลย สวยงามมาก แถมการออกแบบความลึกและความหนาก็ดูดีอีกด้วย ถือเป็นมาตรฐานของเกม AAA เลยก็ว่าได้

แต่ปัญหาอยู่ที่เฟรมเรตครับ ต้องบอกเลยว่าถึงแม้ตัวเกมในเวอร์ชั่น PS5 จะมีตัวเลือกให้ปรับเป็นโหมด Performance เพื่อลดกราฟิก แต่กลับเน้นที่เฟรมเรตแทน ซึ่งก็ไม่ได้เป็น 60FPS ที่เสถียรเมื่อผู้เล่นออกไปเจอฉากใหญ่ๆ กว้างๆ หรอกนะ และใช่แล้ว ขอย้ำอีกครั้งว่ามันสวยมากจริงๆ ดวงดาวแต่ละดวงถึงแม้ภูมิประเทศจะต่างกันแต่ก็สวยงามบนทุกดวง รายละเอียดจัดเต็ม แต่ที่ได้คือเฟรมเรตที่ลดลงจาก 60 เหลือ 40 และจะกลับมารันที่ 60 อีกครั้งเมื่อเราเข้าไปในพื้นที่แคบๆ เช่น ในถ้ำหรือในอาคาร แน่นอนว่าเฟรมเรตที่ลดลงนี้ทำให้เกมเพลย์ Soul Like ของเกมนี้มีปัญหา โดยเฉพาะถ้าคุณเลือกเล่นในระดับความยากสูง ผมบอกได้เลยว่าคุณจะต้องโกรธแน่นอน ผมหวังว่าทีมพัฒนาจะปล่อยแพตช์เพื่อแก้ไขในเร็วๆ นี้ พูดตรงๆ ว่าหลายคนคงได้เล่นเกมนี้ไปแล้วก่อนที่รีวิวนี้จะโพสต์ ผมหวังว่าจะมีแพตช์ Day 1 เพื่อแก้ไขในตอนแรก

เกมเพลย์ ระบบเสียง รีวิวเกมส์ Star Wars Jedi Survivor

มาต่อกันที่เสียงเบา ๆ กันบ้างดีกว่า อย่างเอฟเฟกต์เสียง อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเกมนี้เป็นเกมของ Lucasfilms ดังนั้นจะต้องมีเอฟเฟกต์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนกับภาพยนตร์ที่เราดู เพลงประกอบส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เครื่องดนตรีประเภทออเคสตรา ทั้งเครื่องสาย เครื่องเป่า และเครื่องสายต่าง ๆ ที่ให้เสียงก้องกังวาน ซึ่งเข้ากับฉากหรือคัตซีนได้เป็นอย่างดี ส่วนนี้คงไม่ต้องพูดมาก ขอผ่านสามรอบรีวิวเกมส์ Star Wars Jedi Survivor

ส่วนเอฟเฟกต์เสียงก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานของเกมในปัจจุบัน เสียงดาบเลเซอร์ปะทะกับศัตรู เสียงปืนเลเซอร์ที่พุ่งผ่าน ฯลฯ ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของ IP นี้เช่นกัน ดังนั้นหากใครไม่ชอบเกมนี้ ก็คงจะรับไม่ได้ เพราะคุณจะได้ยินเสียงประเภทนี้เกือบตลอดทั้งเกม ตอนนี้มาถึงเกมเพลย์ที่สำคัญกันบ้าง ฉันต้องบอกตามตรงว่าแกนหลักของเกมนี้ไม่ได้ต่างจากเกมแรกมากนัก ตลอดทั้งเกมผู้เล่นจะควบคุม Cal Kestis โดยฟาดดาบเลเซอร์หรือดาบเลเซอร์ที่เขาชื่นชอบในท่าทางต่างๆ เพื่อต่อสู้กับศัตรู ทั้งแบบใช้มือเดียว ดาบคู่ แบบกระบอง และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในเกมนี้คือการใช้ปืนพก และยังมีอีกอย่างหนึ่งแต่ผมจะไม่พูดถึงที่นี่

ผมอยากให้คุณไปสัมผัสความตื่นตาตื่นใจในเกม เราจะสามารถใช้ท่าไม้ตายต่างๆ ของดาบเลเซอร์ร่วมกับพลังแห่ง Force เพื่อรบกวนศัตรู เช่น ผลักออก ดึงเข้าทีม หรือใช้ระหว่างสำรวจเพื่อเปิดทางเพื่อเดินหน้าต่อตลอดทั้งเกม แต่ถึงแม้เกมจะมีท่าทางให้เลือกหลายแบบ แต่ผู้เล่นจะเลือกต่อสู้ได้เพียง 2 ท่าทางเท่านั้น และโดยพื้นฐานแล้ว การต่อสู้ที่มีค่า Value และทำให้เกมง่ายที่สุดก็ยังคงเหมือนกับการปัดป้องและหลบศัตรูด้วย Perfect Dodge ซึ่งจะทำให้แถบสีขาวเหนือศัตรูลดลงอย่างรวดเร็วและทำให้กำจัดศัตรูได้ง่ายขึ้น คล้ายกับเกม Souls Like ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งสองเกม

สรุป

ระบบสกิลในภาคนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกคือ Survival ซึ่งเป็นสกิลเอาตัวรอดตามชื่อเลย เพิ่มฮีลได้มากขึ้น เพิ่มพลังชีวิต แต่ก็มีบางอย่างที่เพิ่มเข้ามาจากภาคแรก นั่นคือ Companion ใช่แล้ว ในภาคนี้ Cal จะไม่สู้เพียงลำพังตลอดทั้งเกม ถ้าไม่นับหุ่นยนต์ตัวโปรดอย่าง BD-1 ก็จะมีอีกหลายส่วนที่เขาจะมีคู่หูมาช่วยสู้ด้วย ซึ่งจะเป็นคำสั่งแยกให้กด พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนให้เพื่อนเราใช้ท่าพิเศษจัดการกับศัตรู แล้วรอคูลดาวน์เพื่อรอสกิลใหม่ ส่วนสายสกิลนี้ ถ้าเราอัพเกรดก็จะทำให้คูลดาวน์ในการสั่งเพื่อนเร็วขึ้นหรืออะไรทำนองนั้น

หมวดสกิลที่สองคือ Lightsaber คือการอัปเกรดสกิลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับท่าโจมตีของ Lightsaber ในท่าทางต่างๆ เช่น ท่าใหม่หรือเสริมความแข็งแกร่งให้กับท่าบางท่า ส่วนหมวดสุดท้ายคือ Force คือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลัง Force ที่เราใช้ โดยพื้นฐานแล้วในภาคนี้ ท่าพิเศษต่างๆ จะใช้ Force เพื่อจ่ายเงิน ให้คิดว่าเป็นมานาหรือพลังเวทย์มนตร์รีวิวเกมส์ Star Wars Jedi Survivor

สิ่งที่ฉันชอบคือ ทักษะเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้ทำให้การเล่นเกมง่ายพอที่จะทำให้เกมเสียเปรียบ ซึ่งคุณสามารถกดปุ่มและฆ่าศัตรูได้ ผู้เล่นยังคงต้องอาศัยจังหวะในการบล็อก ปัดป้อง หรือหลบศัตรู ฉันคิดว่ามันเข้ากันได้อย่างลงตัว มันทำให้การเล่นเกมสนุกขึ้น และยังมีระบบสิทธิพิเศษที่ช่วยปรับรูปแบบการเล่นตลอดทั้งเกม แต่โดยรวมแล้ว มันไม่ได้ทำให้เกมง่ายเกินไปจนน่าเบื่อ ความท้าทายยังคงอยู่เพราะไม่มีองค์ประกอบของ RPG แต่เหมือนที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ปัญหาประสิทธิภาพทำให้เกมยากขึ้น ฉันยอมรับว่าฉันต้องลดความยากของบอสบางตัวเนื่องจากปัญหาเฟรมเรต

นอกจากนี้ เกมยังเพิ่มสิ่งใหม่ๆ มากมาย ด้วยแผนที่ที่ใหญ่ขึ้นและดินแดนที่มากขึ้นให้สำรวจบนดาวเคราะห์หลายดวง เกมนี้จึงให้ผู้เล่นสำรวจดาวเคราะห์อื่นๆ เพื่อค้นหาทรัพยากรที่มีเฉพาะบนดาวเคราะห์นั้น รวมถึงพาหนะด้วย แต่ละดาวมีพาหนะที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับสายพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ปีกให้เกาะเพื่อบินไปยังจุดต่างๆ คล้ายกับทางลัดที่ปลอดภัย สำหรับการวิ่ง ปีน และสำรวจ ก็มีบรรยากาศแบบเดียวกับเกมอย่าง Tomb Raider หรือ Uncharted โอ้ เวอร์ชันนี้ยังมีตะขอเกี่ยวด้วย ซึ่งทำให้ดูมีการผจญภัยมากขึ้นเล็กน้อย

แต่ก็น่าเสียดายที่แร่ที่เราได้จากการสำรวจฉากต่างๆ นั้นสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมเพื่อปลดล็อกประตูและไอเทมแฟชั่นได้เท่านั้น และใช่แล้ว ตลอดการสำรวจ เราจะพบกล่องไอเทมที่ซ่อนอยู่มากมาย แต่ก็น่าเสียดายที่กล่องเหล่านั้นมีไว้สำหรับตกแต่งเท่านั้น เช่น หนวด ทรงผม สีดาบ เสื้อผ้า และหุ่นยนต์ BD-1 ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เรามีแรงจูงใจในการสำรวจมากนัก แต่ถ้าเราต้องการแต้มทักษะเพิ่ม เช่น อยากเล่นเกมแนวอื่นๆ เราก็ต้องสำรวจหรือแวะเวียนไปบ่อยๆ เพราะเควสต์เสริมหรือมินิบอสก็ให้คะแนนทักษะกับเราเช่นกัน ใช้คลิปเพื่อปรับแต่งหุ่นยนต์ BD เป็นต้น

โอ้ และในที่สุดเกมก็ได้เพิ่มระบบปลูกผักเข้าไปด้วย ส่วนตัวแล้วฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของทีมตรงนี้ ฟังก์ชั่นนี้ไม่ได้มีความสำคัญกับเกมเพลย์และเนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก เป็นเพียงโหมดสนุกๆ เช่น การเก็บถ้วยรางวัล การเก็บถาวร หรืออะไรทำนองนั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง